วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แล่นไปกับกระแสเกาหลี จากบางกอกโพสต์


อยากจะเป็นศิลปินดังเคป๊อป? แค่ต้องพยายามอย่างหนัก 2กล่าว
Credit: Eng-Thai by Offogato@2pm-online.com
SOURCE: Bangkok Post
โดย: ONSIRI PRAVATTIYAGUL
ตีพิมพ์เมื่อ: 15/07/2009 at 12:00 AM
บทความในหนังสือพิมพ์คอลัมน์: Outlook

กระแส ความคลั่งไคล้ในทุกอย่างเกี่ยวกับเกาหลียังคงวนเวียนอยู่ ซึ่งเป็นการยากที่จะหยั่งถึงว่าทำไมกระแสยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่ากลุ่มปัญญาชนจะถกเถียงหรือกลุ่มอภิสิทธ์ชนบางกลุ่มจะยังมองเป็นเรื่อง น่าหัวเราะเพียงใด กระแสเกาหลี หรือเคป๊อปดูจะยังคงอยู่ในสังคมเราต่อไปอีกนาน และในตอนนี้ความเป็นแฟนพันธ์แท้ได้ยกระดับไปอีกขั้นเมื่อคนไทยอย่าง นิชคุณ หรเวชกุล ได้ก้าวขึ้นเป็นศิลปินไทยคนแรกที่มีได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงในประเทศ เกาหลีขณะนี้

นิชคุณ หรือที่แฟนๆเรียกว่า คุณนี่ ได้เข้าเซ็นสัญญาภายใต้สังกัด เจวายพีเอนเตอเทนเม้นท์ (JYP Entertainment) และได้รับการฝึกเป็นศิลปินฝึกหัดตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 (ต้นสังกัดเดิมของเรน และสังกัดปัจจุบันของวงวันเดอร์เกิลส์) และเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา นิชคุณได้เปิดตัวสู่วงการเพลงด้วยการออกอัลบั้มแรกกับเพื่อนๆ ในนาม 2PM กลุ่มบอยแบนด์ที่ประกอบด้วยสมาชิก 7 คน จากการผลักดันของต้นสังกัดเจวายพีและหน้าตาที่หล่อเหลา นิชคุณมีผลงานโฆษณาที่ประเทศไทยอยู่เป็นระยะๆแม้เมื่อครั้งยังเป็นศิลปิน ฝึกหัด และเมื่อวง 2PM เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาด้วยความสามารถอันโดดเด่น พวกเขาก็ได้ขึ้นมาอยู่แถวหน้าด้วยเพลงฮิตที่สามารถครองอันดับหนึ่งในชาร์ต เพลงต่างๆในเกาหลี ได้ปรากฏตัวในรายการโชว์ทางทีวีมากมาย และส่งผลให้ความเป็นดาวของนิชคุณเสมือนเป็นหุ้นที่พุ่งขึ้นอย่างไม่หยุดเช่น กัน

คงไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวว่าคนไทยส่วนหนึ่งพร้อมจะสนับสนุนนิ ชคุณก่อนที่ 2PM จะถือกำเนิดขึ้นมาเสียอีก และตอนนี้ก็ถือเป็นการยืนยันได้ว่าเด็กไทยคนนี้ได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ เขาทำ การมาเยือนประเทศไทยครั้งล่าสุดของวง 2PMเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาได้ย้ำความสำเร็จของวงขึ้นไปอีกขั้น แม้ว่าฝนจะตก แฟนๆยังคงคิดในแง่ดีและยืนคอยส่งเสียงเรียกร้องรอการแสดง ด้วยความหวังอันสูงสุด โดยมีโทรศัพท์เป็นเพื่อนคู่ใจเพื่อรอชมการแสดงแค่สี่เพลงในวันนั้น แม้ว่ามันจะไม่เพียงพอที่สนองความต้องการได้ แต่ก็ถือว่าเป็นโชคอันดีแล้วที่มีโอกาสได้ชม นั่นเพราะว่าตารางเวลาของนิชคุณนั้นอัดแน่นไปด้วยงานมากมาย มีแต่คำว่างาน งาน และงานสำหรับเด็กหนุ่มวัย 21 ปีคนนี้ คุณแม่ผู้น่ารักของเขาผู้ซึ่งคอลัมน์ “Outlook” ได้รับเกียรติให้ทำความรู้จักได้เผยว่าลูกชายคนรองของเธอนั้นได้นอนเพียงแค่ สามชั่วโมงเท่านั้น และไม่มีแม้แต่เวลาจะมาอยู่ร่วมกับเธอและสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆเมื่อครั้ง ที่เธอไปเยี่ยมที่ประเทศเกาหลีก็ตาม

นิชคุณกล่าวว่า "ผมไม่ค่อยมีเวลาได้นอนมากนัก ถ้าผมต้องทำงาน ผมต้องซ้อม ผมทำงานมากมาย แต่ก็เป็นเรื่องที่สนุก ผมรักในสิ่งที่ผมได้ทำขณะนี้มาก ดังนั้นจึงไม่เป็นไร"

นิชคุณเกิดที่แคลิฟอร์เนียประเทศสหรัฐ อเมริกา และย้ายกลับมา่ประเทศไทย เมื่ออายุได้ 18 เดือน นิชคุณไปศึกษาต่อชั้นมัธยมที่ประเทศนิวซีแลนด์เมื่ออายุ 12 ปี ก่อนจะย้ายกลับไปต่อระดับมัธยมปลายที่แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นที่นี่เองที่ต้นสังกัด เจวายพีเอนเตอร์เทนเม้นได้ค้นพบเขาในงานเทศกาลของเกาหลี คนสรรหาศิลปินคิดว่านิชคุณเป็นคนเกาหลี แต่เมื่อค้นพบว่าเขาไม่ใช่ก็ยังคงตื้อให้นิชคุณมาลองทดสอบคัดตัวเพื่อเข้า สังกัดดู นิชคุณนั้นได้ปฎิเสธข้อเสนอ แต่ก็ได้แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เมื่อได้รับการโทรตื้อให้ลองทดสอบอยู่สักพัก นิชคุณจึงยอมตกลงจะไปพบพวกนักคัดเลือกศิลปินที่ร้านกาแฟ ด้วยความหวังที่ว่าคงไม่ต้องแสดงการเต้นหรือร้องเพลงต่อหน้ากล้อง หากนัดพบในที่สาธารณะ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น พวกทีมงานยังสามารถตั้งกล้องและบันทึกการออดิชั่นได้ในที่สาธารณะ และได้ขอให้นิชคุณเต้น เมื่อนิชคุณปฎิเสธว่าไม่สามารถเต้นได้เพราะไม่มีดนตรีประกอบ ทางทีมงานก็สามารถไปขับรถมาเทียบฟุตบาทและเปิดดนตรีประกอบให้เขาเต้นข้างทาง ได้ทันที

แม้ว่าจะไม่มีแนวทางการเต้นการร้องที่ซ้อมมาอย่างเป็นแบบ แผน เทปการคัดตัวของนิชคุณก็สร้างความประทับใจมากพอที่ทำให้ต้นสังกัดต้องการตัว นิชคุณมาฝึกฝนต่อในประเทศเกาหลี นิชคุณและครอบครัวได้ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงกับโอกาสที่เรียกได้ว่าครั้ง หนึ่งในชีวิตนี้ดูสักครั้ง เขาตกลงเซ็นสัญญาเป็นศิลปินฝึกหัด แต่อย่าคิดว่าใครๆก็เข้ามาอยู่ในสังกัดนี้ได้ง่ายๆ

นิชคุณอธิบายว่า "จะมีการคัดเลือกศิลปินเข้าสังกัดทุกๆปีแต่ไม่มากนักและจำกัดจำนวนคน และก็ไม่ได้หมายว่าทุกคนที่ผ่านเข้ามาจะได้รับการประกันว่าจะได้ออกอัลบั้ม ศิลปินฝึกหัดจะต้องรับการฝึกและจัดสรรขึ้นอยู่กับว่าทางสังกัดมีโครงการอะไร บ้างในปีถัดๆไป พวกเขาจะมีการทดสอบและขั้นตอนต่างๆ ทางต้นสังกัดจะให้คุณซ้อม ทั้งร้อง เต้น แสดง และฝึกการแร๊พ อีกทั้งยังสอนวิธีการปฏิบัติตนด้วย” และกล่าวเพิ่มว่า “ช่วงที่ฝึกซ้อมตลอดสองปีนั้นไม่ได้หนักหนาอะไรมาก ผมไม่ค่อยยุ่งมาก แค่ต้องฝึกซ้อม และเรียนภาษาเกาหลีและจีน”

เมื่อเทียบกับศิลปินคน อื่นๆซึ่งมีพื้นฐานการฝึกซ้อม หรือความสนใจในแวดวงบันเทิงมาก่อนแล้ว นิชคุณนั้นไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย เขาเป็นคนประเภทนักกีฬามาก่อนมากกว่า

“ผม ต้องพยายามมากกว่าคนอื่นเพราะผมไม่มีพื้นฐานมาก่อน... ก็มีบางเวลาที่ผมรู้สึกขี้เกียจและท้อแท้ ไม่อยากจะซ้อม อยากจะเลิก และอยากจะกลับบ้าน อยากกลับไปเรียนต่อที่อเมริกา ผมปรีกษาคุณพ่อคุณแม่ซึ่งพวกท่านให้ผมลองคิดตรองให้ดีก่อนตัดสินใจ พวกท่านไม่ได้บังคับให้ผมอยู่ต่อ แต่ให้คำแนะนำ ผมคิดว่าพวกท่านเห็นความสามารถและโอกาสในตัวผมจึงให้การสนับสนุนผมมาตลอด ท้ายที่สุดผมจึงตัดสินใจอยู่ต่อ” นิชคุณกล่าว พร้อมทั้งเสริมเรื่องพันธะสัญญาและข้อกฎหมายที่ผูกมัดเขาอยู่แม้ว่าเขาเซ็น สัญญาเป็นแค่ศิลปินฝึกหัดก็ตาม

แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่ดีที่ยังคง ก้าวต่อ เพราะวง 2PM ในขณะนี้ได้ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในประเทศเกาหลีและประเทศไทย ซึ่งตัวนิชคุณอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

"นิชคุณกล่าว “2PM เป็นวงที่สมบูรณ์แบบ พวกเราเหมาะสมกัน ผมมีความสุขที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกวงนี้ พวกเรามีบุคลิกที่ต่างกัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของพวกเราก็ผสมผสานกันอย่างลงตัว พวกเราเป็นธรรมชาติมีความเป็นปัจเจกนิยม แต่พวกเราเข้ากันได้ดีมากๆ”

อุตสาหกรรม บันเทิงของประเทศเกาหลีขึ้นชื่อในการผลิตศิลปินเอเชียออกมาอย่างต่อเนื่อง และได้รับการยกย่องว่าได้สร้างสรรค์แนวดนตรีป๊อปที่ง่ายต่อการเสพ จากขั้นตอนการผลิตที่ขัดเกลาและตบแต่งผลงานออกมาอย่างพิถีพิถันในทุกอณูของ ตัวเพลงไม่ว่าจากทำนอง ท่าเต้น และเสื้อผ้าที่ใช้แสดงบนเวที ขั้นตอนการผลิตของเกาหลีก็เป็นที่ยอมรับว่าเทียบเท่าระดับสากลแต่ง่ายต่อการ เข้าถึง แต่เมื่อแยกปัจจัยที่ยอดเยี่ยมนี้ออกไป คนเกาหลีดูจะรู้ดีว่าสิ่งไหนที่ประสบผลในการทำเงินขึ้นมา อย่างไรก็ตามความสำเร็จอันเลิศเลอนี้ก็มาพร้อมกับคำวิจารณ์ เช่นการใช้งานศิลปินมากเกินไปจนศิลปินต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล แต่ก็มีศิลปินที่ไม่มีงานและเลือกทางออกด้วยการปลิดชีวิตตัวเอง อีกทั้งสื่อต่างๆก็อ้างถึงรายได้ที่ต่ำเกินไปและการแสวงหากำไรเกินควร

" มันก็มีด้านเหล่านั้นเช่นกัน ใช่ครับ แต่ถ้าเรามองอีกด้าน คุณได้รับการฝึกฝนไปในตัวเมื่อคุณทำงาน คุณสามารถปรับสิ่งที่คุณเรียนรู้ไปใช้ในด้านอื่นๆเช่นกัน แม้กระทั่งมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเองก็ตาม ถ้าคุณให้ไปอย่างเต็มที่ ความสำเร็จก็จะมาอยู่ตรงหน้า ถ้าเรามองในด้านดี เราสามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ ยกตัวอย่างในกรณีผมเป็นต้น ผมเหนื่อยมากและผมก็ไม่มีเวลาว่าง แต่ผมก็พยายามมองว่านี่คือการสั่งสมประสบการณ์ ผมได้มีโอกาสพบปะผู้คนในแวดวงต่างๆและการที่ได้รู้จักคนเหล่านี้อาจมีผลดี ต่อผมในอนาคตข้างหน้า โอกาสต่างๆเกิดขึ้นได้ทุกๆที่ ถ้าผมยังคงรักษา [การมองโลกในแง่ดี] นี้ไว้กับผม ผมก็มีแรงใจในการทำงานต่อ” นิชคุณกล่าว

แต่การทำงานที่มีระบบขั้นตอนสูงและควบคุมการทำงานอย่างเคร่งครัดไม่เป็นการบีบจนเกินไปหน่อยหรือ?

" มนุษย์เราชอบความสบาย แต่บางครั้งความสบายนั้นไม่ได้ทำให้คุณประสบความสำเร็จขึ้นมา การที่ได้ฝึกฝนมาอย่างหนักและฝึกซ้อมมาด้วยความยากลำบากสามารถเปลี่ยนสิ่ง ต่างๆได้ พวกเขาสอนให้คุณรู้ซึ้งถึงความหมายของการพยายามอย่างหนัก และสอนว่าคุณจะประสบความสำเร็จได้แค่ไหนถ้าคุณยังคงไม่หยุดที่จะฝึกซ้อม” นิชคุณกล่าว

สำหรับคนที่มีประสบการณ์ทำงานมาทั้งสองประเทศ นิชคุณจึงมีโอกาสที่จะเปรียบเทียบระหว่างสองประเทศ

" ระบบการโปรโมทและการสนับสนุนนั้นต่างกันมาก ผมได้ยินมาว่าศิลปินบางคนในประเทศไทยสามารถออกอัลบั้มด้วยระยะเวลาเพียงสาม เดือน ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย ผมคิดว่าศิลปินไทยมีความสามารถแต่ไม่ได้รับการโปรโมทหรือสนับสนุนอย่างถูก หลัก ทำให้ผมรู้สึกเศร้านิดหน่อย เพราะผมอยากให้วงการเพลงไทยก้าวไปข้างหน้า ผมอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ผมคงไปทำอะไรไม่ได้ ทุกๆคนต้องเรียนรู้ด้วยหนทางของตนเอง” นิชคุณกล่าวพร้อมเสริมว่าถ้ามีเวลาและโอกาสเขาก็อยากจะกลับมาทำงานที่เมือง ไทยมากขึ้น

แม้ว่านิชคุณจะเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานของ เขาและความสำเร็จที่ได้มาด้วยความตั้งใจอย่างหนักที่ต้องแลกด้วยความเป็น ส่วนตัวและเวลาส่วนตัว จึงไม่เป็นเรื่องง่ายที่จะปัดความรู้สึกเหล่านี้ออกไป

"แน่นอนครับ ผมก็มีช่วงเวลาของผมบ้างบางที บ่อยครั้งที่ผมต้องการอยู่คนเดียวและทำอะไรด้วยตัวเองคนเดียว ก็มีบางครั้งที่รู้สึกอยากมีแฟนหรือออกไปสังสรรค์กับเพื่อน หรือท่องเที่ยว แต่เมื่อคุณทำงานหนักมากๆ คุณก็ไม่มีเวลาไปคิดถึงสิ่งเหล่านั้นมากนัก”

เขาเสริมอีกว่า “และเมื่อคุณคิดถึงอนาคตและการงาน คุณก็ลืมที่จะนึกถึงมันไป”

เมื่อ เร็วๆนี้ นิชคุณได้ไปออกรายการเรียลลิตี้โชว์ชื่อว่า “สแกนดัล” ซึ่งมีรูปแบบรายการโดยนำหญิงสาวธรรมดามาออกเดทกับดาราเป็นเวลาเจ็ดวัน พวกเขาต้องไปเที่ยวเดทและปฎิบัติต่อกันเสมือนคู่รักจริงๆ ในวันสุดท้ายถ้าทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้น “จริง” ก็สามารถแลกเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ของกันและกันและสานสัมพันธ์ต่อจากตรงนั้น ได้ รายการตอนที่นิชคุณได้แสดงค่อนข้างจะบีบหัวใจคนดูเพราะแฟนสาวหนึ่งอาทิตย์ ของเขานั้นได้แสดงออกว่าตกหลุมรักนิชคุณอย่างรวดเร็วจากความอ่อนโยนและ โรแมนติกของเขา รายการได้รับเสียงวิจารณ์จากบรรดาแฟนคลับที่แสดงความเห็นเกลียดชังโดยตรงต่อ คนที่มาแสดงเป็นแฟนสาวของนิชคุณ ซึ่งถูกมองเหมือนเป็นศัตรูจากการที่ได้มาใกล้ชิดนิชคุณสุดที่รักของพวกเขา อีกทั้งข้อสงสัยถึงความถูกต้องชอบธรรมของรายการก็ผุดขึ้นมาต่างๆนาๆเช่นกัน

"แน่นอนครับการที่ได้รู้จักใครสักคนเป็นระยะเวลาหนึ่ง คุณก็ต้องมีความรู้สึกดีดีเกิดขึ้น แต่เมื่อย้อนมาคิดถึงสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนี้ หน้าที่การงานที่เรามี มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มันเกิดขึ้น และแน่นอนเราสามารถปล่อยใจไปกับมันได้ แต่เมื่อเรานึกถึงงานที่เราทำอยู่ เราก็จะตระหนักได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ผมเลือกหน้าที่การงานเป็นอย่างแรกในตอนนี้ครับ” นิชคุณกล่าว

นิ ชคุณตัดสินใจที่จะปล่อยความสัมพันธ์ไว้แค่นั้น ซึ่งเขาได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ต่อหน้ากล้องออกมา และให้เหตุผลในการตัดความสัมพันธ์และหยุดการสานต่อ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขามีสถานะเป็นนักร้องไอดอลที่แฟนคลับยังคงห่วง แฟนๆคงไม่พอใจนักถ้าได้รับรู้ว่าเขามีแฟน สิ่งนี้มันอาจจะเป็นการยากสำหรับบางคนที่จะเข้าใจ ในเมื่อโลกทุกวันนี้ได้พัฒนามาจนทีวีเป็นจอสีแล้ว นั่นเพราะว่าบางทีคุณไม่ใช่เด็กสาววัยรุ่นที่ยังอยู่ได้ด้วยความฝัน นิชคุณเข้าใจในจุดนี้และยอมรับกับผลการกระทำ

นิชคุณอธิบายว่า “นี่เป็นโอกาสของผม ผมไม่อยากทำลายมันด้วยการมีแฟน ผมไม่อยากสูญเสียแฟนคลับและทำให้พวกเขาผิดหวัง มันดูเป็นภาระเหรอ? อืมมม ผมก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง ผมก็คิดอยู่บ้าง แต่ก็พยายามมองโลกในด้านดี ผมเพียงแค่ต้องมองไปข้างหน้า”

และอนาคตข้างหน้าคือสิ่งที่นิชคุณหมายมอง

* ยังคงฉลาดตอบคำถาม ความคิดเกินวัยเช่นเคยคะน้องคุณ นักร้องนักแสดงหนึ่งเดียวของพี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งดใช้ภาษาวิบัติและหลีกเหลี่ยงความเห็นทำร้ายจิตใจผู้อื่นขอบคุณมากคะ